ถึงเวลามองตัวเองว่าที่ผ่านมาจำเป็นหรือแค่หลอกตัวเอง

เมื่อทุกอย่างบนโลกกำลังหยุดนิ่ง หยุดการพัฒนา รวมไปถึงดาราที่เคยมีงานแสดงจัดคิวยาวนาน ข้ามปี มีหนังใหม่รอถ่าย ไม่มีเวลาแม้จะกินจะนอน ก็ถึงเวลาได้พักได้ให้เวลากับตัวเองเสียที บางคนที่อยากจะพักร่างพักใจมานานแล้ว แต่ก็เสียดายเงินที่ต้องทิ้งไป ด้วยเม็ดเงินที่มหาศาลและเป็นช่วงเวลาที่ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหน แต่เมื่อถึงเวลาแบบนี้ ก็วินๆ กันทุกฝ่าย ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันไป สบายใจทั้งคู่แล้วเมื่อไม่มีงานแสดงสำหรับนักแสดง ไม่มีหนังใหม่รอเปิดกล้อง เขากระทบกันมากไหม บางคนที่มีเงินเก็บเยอะค่าใช้จ่ายน้อยก็คงไม่มีผลมากนัก แต่ที่ส่งผลกระทบเห็นๆ เลยก็คงจะเป็นเด็กที่รวมงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้า เสื้อผ้า ช่างไฟ รวมไปถึง น้องๆ ที่อยู่เบื้องหลังทุกคน ทำอย่างไรกันละตอนนี้ งานไม่มีเงินก็ไม่มี บางคนทำงานได้รายวัน ทำงานได้เป็นจ็อบๆ เป็นชิ้นงาน เมื่องานไม่มีก็ถึงเวลาที่ต้องเริ่มคิดกันใหม่แล้ว จะตายแบบไหนดี หรือจะหาทางออกแบบไหนดี บางคนไม่มีงานอย่างอื่นไว้ทำบ้างเลย มีงานทำแค่หน้าเดียว มาเจอแบบนี้ก็ถึงกับขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวกันไปเลย มีวิธีทางออกแบบไหนกันบ้าง
เมื่อคำถามมาแบบนี้ คำตอบไม่ได้มีแค่วิธีเดียว คำตอบมีมากมายแล้วแต่ว่าเราจะลุกขึ้นสู้แบบไหน หลายคนก่อนที่จะมาเป็นช่างแต่งหน้าก็อาจจะเคย ขายส้มตำมาก่อน วิชาชีพติดตัว ก็จัดการทำขายให้กับเพื่อนด้วยกัน ดาราที่รู้จักส่งถึงบ้านขอเพื่อนดารา นักแสดงช่วยโปรโมทสักหน่อย ก็น่าจะพอให้รอดช่วงวิกฤตแบบนี้ได้ไปก่อน หรือบางคนทำขนมเป็น ถ้าไม่เป็นแต่ชอบขายของก็รับมาขายไม่ให้เหงามีเงินพอที่จะเลี้ยงตัวเองให้รอดพันช่วงนี้ไปก่อนก็ได้ คำที่รุ่นปู่ย่าเราเคยได้บอกไว้ ใช้ได้เสมอ “อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา” ใช้ได้ตลอดกาล ดูอย่างกับดารานักแสดงหลายๆ คนมีงานล้นมืออยู่แล้ว รายได้ต่อวัน มากกว่าเงินเดือนพนักงานทั้งเดือนด้วยซ้ำ ก็ยังออกมาขายของ ทำร้านอาหาร หรือแม้แต่กระทั้ง รับโปรโมทสิ้นค้าทั่วไปเหมือนกัน
ช่วงที่เราเจอสภาวะแบบนี้ ถึงเวลาที่ต้องรัดเข็มขัด ยิ่งกว่าทุกช่วงที่ผ่านมาอะไรไม่จำเป็นก็งดไว้ก่อน ถ้าอยากได้กระเป๋าใหม่ เสื้อผ้าใหม่ ให้รีบหันไปมองของที่มี แล้วก็บอกกับตัวเองเสียงดังๆ ว่ายังไม่จำเป็น ยังไม่จำเป็น ซื้อมาหามาก็ยังใช้ไม่ได้ จะใส่หรือใช้ออกไปอวดใครไม่ต้องกลัวหลอกว่าของจะหมด เพราะอีกไม่นานก็จะมีของใหม่ออกมาอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ เหมือนกับโทรศัพท์ที่มีออกมาใหม่ทุกเดือน ถ้าตามจริงๆ เราจะต้องเสียเงินเดือนละกว่า 2 หมื่นบาทเพื่อตามกระแสกันตลอด ของใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน ยังทำได้เหมือนทุกคนไม่มีผลกระทบกับชีวิตก็อย่าไปคิดให้ฟุ้งซ่าน ช่วงนี้ถึงเวลาที่เราจะบอกกับตัวเราเองได้แล้วว่า ที่ผ่านมาเราได้สะสมอะไรไว้บ้าง สะสมข้าวของเงินทองหรือ สะสมแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องไว้ เจอปัญหาของจริงใครก็ไม่สามารถช่วยได้

Related Post